วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

"อ้างอิง"

หนังสือ Talk for Boots ฉบับวันที่ 23กรกฎาคม 2554


รองเท้าฟุตบอล.com




                  นายวสัน เปี่ยมสกุล                                                                สัมภาษณ์               
                  วันที่ 26 พฤษภาคม 2555


                  สถานที่
               
                  ขอขอบคุณ

ร้านรองเท้า messisport ตะวันนา ที่ได้ให้ความรู้และการเข้าถึงของรองเท้าต่างๆ ได้เห็นวิธีตรวจสอบรองเท้า
เมื่อวันที่ 26 พฤษถาคม 2555










นายอักษรศาสตร์  กุลสนั่น   5407636
คณะนิเทศศาสตร์  COM226

"ตารางเทียบไซส์ของรองเท้ายี่ห้อต่างๆ"

สำหรับคนที่ไม่รู้ว่าควรใส่ไซส์อะไรของยี่ห้ออะไรนะครับ



"การเลือกซื้อรองเท้าฟุตบอล"




การเลือกซื้อรองเท้าฟุตบอล (คู่ไหนดี...)

จะซื้อคู่ไหนดีน๊า ?... คือคำถามยอดฮิต สำหรับหลายๆท่าน ในการเลือกซื้อรองเท้าสักคู่.... ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนนะครับว่า ถ้าเราถามคนอื่นๆ ในความเป็นจริงแล้ว... ใครชอบรุ่นไหน ก็ต้องเชียร์รุ่นนั้น สมมติถามว่า ระหว่าง CTR กับ Tiempo อะไรดีกว่ากัน (ในใจผมชอบ CTR) แต่คนตอบส่วนใหญ่ชอบ Tiempo ก็ต้องบอก Tiempo ดีกว่า และเราก็อาจเปลี่ยนความคิดไปก็ได้ ซึ่งไม่เป็นผลดีกับเราแน่นอน

แต่พอเราเปรียบเทียบข้ามรุ่น เช่น ระหว่าง F50 กับ CTR อะไรดีกว่ากัน... ฮ่าๆ มันจะเปรียบเทียบกันได้ยังไงล่ะครับ เพราะมันคนละแนวกันเลย คนละ Felling เป็นรองเท้าต่างประเภทกัน มันจะเทียบกันได้ยังไง มันเทียบกันไม่ได้ครับ ของแบบนี้มันอยู่ที่ความชอบส่วนตัว และสไตล์การเล่นของตัวเองครับ
และที่สำคัญ... ไม่มีรองเท้ารุ่นใด ที่ดีกว่ารุ่นใด และไม่มีรุ่นไหนดีที่สุด เพราะแต่ละรุ่นนั้น ดีคนละอย่างครับ... "รองเท้าที่ดีที่สุด คือรองเท้าที่เรารักมากที่สุดครับ"

มีวิธีการเลือกอย่างไร ?

อย่างน้อยๆ ก่อนที่เราจะตัดสินใจซื้อรองเท้าสักคู่ เราควรลองหาข้อมูลรองเท้าให้ดีๆ ก่อนครับ เพราะบางทีซื้อมา ใส่แล้วไม่ชอบ ใส่แล้วไม่เหมาะกับตัวเอง รู้สึกไม่กระชับ ไม่นุ่ม ซึ่งเราจะมาโทษใครไม่ได้ เพราะฉะนั้น ควรหาข้อมูลและทำการลองใส่ดูก่อนครับ ซึ่งผมก็มีวิธีมาแนะนำทุกท่านครับ อาจจะไม่ครบ แต่ก็พอมีประโยชน์ครับ
  1. ตรวจสอบก่อนว่าตัวเองเท้าเหมาะกับรุ่นไหน เท้าบานไหม ใส่รุ่นใดได้บ้าง
  2. ดูสไตล์การเล่นของเรา ว่าเหมาะกับรองเท้ารุ่นไหน ที่จะช่วยตอบสนองเราได้มากที่สุด
  3. ดูงบประมาณของเรา ว่าเราจำกัดมากน้อยเท่าใด
  4. ลองเลือกรุ่นที่เราชอบมาสัก 2-3 รุ่นแล้ว ลองตัดใจเลือกที่ชอบที่สุดครับ หรือหาข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจ ยกตัวอย่างเช่น หาการรีวิวรองเท้ารุ่นที่เราชอบ





ของจริง ของปลอม เลือกยังไง ?

ของจริงกับของปลอมในปัจจุบัน เป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติไปแล้วนะครับ เพราะฉะนั้นก่อนจะตัดสินใจเลือกซื้อ ควรหาข้อมูล ศึกษาให้ดีๆก่อนตัดสินใจซื้อนะครับ โดยเฉพาะช่วงนี้รองเท้าของปลอมระบาดหนักมาก ก๊อปปี้ซะแทบดูไม่ออกเลย ระวังซื้อของปลอมโดยไม่รู้ตัว ขนาดหลังสนามศุภฯ แหล่งใหญ่ของไทย ยังมีบางร้านขายของปลอมเลย

มีวิธีการเลือกอย่างไร ?...

วิธีการสังเกตุง่ายๆเลยนะครับ เห็นรองเท้าบนอินเตอร์เน็ต หรือร้านออนไลน์ ที่บอกเฉพาะยี่ห้อ โดยไม่ระบุรุ่น และระดับรองเท้า และมีราคาต่ำกว่า 3 พันบาท ให้ตีไว้ก่อนเลยว่าเป็นของปลอม เพราะรองเท้าของแท้ ตัวท็อปที่ราคาต่ำกว่า 3 พัน มันเป็นไปได้น้อยมาก แทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้ และบางสี ที่ไม่มีในคอลเลคชั่นนั้นๆ สีแปลกๆ นั้นเป็นของปลอม 100% รองเท้าของปลอมนอกจากจะคุณภาพการใช้งานต่ำแล้ว คุณค่าทางจิตใจก็แตกต่างไปด้วยครับ
เท่านี้ก็น่าจะลดปัญหาต่างๆ ที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้นได้แล้วครับ สุดท้ายนี้ผมหวังว่าทุกๆ ท่านจะซื้อรองเท้าที่ตัวเองชอบ และเหมาะกับตัวเองได้นะครับ....

"ข้อมูลรองเท้าฟุตบอล"



++ ข้อมูลของรองเท้าฟุตบอล ++

ระดับของรองเท้าฟุตบอลในปัจจุบันมี 4 ระดับ โดยแบ่งออกดังนี้

  • World Class - หรือเราเรียกว่าโคตรท็อป ... เป็นตัวที่นำเทคโนโลยีมากมายเข้ามาผสมผสาน ในรองเท้าระดับนี้ ซึ่งจะมีประสิทธิภาพที่สูงสุด ซึ่งก็มีราคาแพงตามไปด้วย ยกตัวอย่างเช่น ตระกูล SL ของ Adidas และตระกูล Elite ของ Nike เป็นต้น
  • Top - ระดับท็อป ... รองเท้าระดับนี้ถือได้ว่าเป็นรองเท้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะเป็นรองเท้าระดับสูงที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถแบบเต็มรูปแบบ และราคาก็สามารถหยิบจับได้ไม่ยาก ตัวอย่างเช่น Adidas F50 , Nike Mercurial Vapor
  • Medium - ระดับรองท็อป... เป็นรองเท้าระดับต่ำลงมาจากระดับท็อป โดยรองเท้าในระดับนี้ จะนำเทคโนโลยี หรือความสามารถหลักที่เด่นๆ ในระดับท็อป มาใส่แค่เพียงบางส่วน แต่ก็ยังถือได้ว่ายังพอมีความสามารถอยู่บ้าง เช่น Adidas F30, Nike Mercurial Miracle
  • Basic - ระดับล่าง(บ๊วย)... เป็นรองเท้าในระดับล่างสุด ราคาจะต่ำที่สุด นั้นก็หมายถึงความสามารถและเทคโนโลยีต่างๆ ก็น้อยตามไปด้วย เช่น Adidas F10, Nike Victory เป็นต้น



++ ประเภทของรองเท้า ++

รองเท้าฟุตบอลในปัจจุบัน มีด้วยกันมากมายหลากหลายยี่ห้อ หลากหลายรุ่น ซึ่งแต่ละรุ่น ก็มีความแตกต่างกัน ทั้งรูปทรง และความสามารถ โดยเราสามารถแบ่งออกตามคุณสมบัติของรองเท้ารุ่นต่างๆ ได้ดังนี้

SPEED - รองเท้ารุ่นนี้จะมีน้ำหนักตัวเบา จุดเด่นคือสำหรับการกระชาก ลากเลื้อย การเคลื่อนที่ได้                  อย่างว่องไว รวมถึงการออกตัว การกลับตัว ทำได้อย่างดีเยี่ยม ผู้ที่ต้องการเสริมความเร็ว รองเท้าประเภทนี้เหมาะกับท่านๆ อย่างแน่นอน
:: นักเตะที่ใช้เช่น C.Ronaldo, Messi, G.Bale, D.Silva และอื่นๆ อีกเพียบ

POWER - เป็นรองเท้าที่เน้นพละกำลัง และความแม่นยำในการยิง การเปิดไกล เป็นรองเท้าที่ถือได้ว่าเป็นอาวุธทำลายล้าง ซึ่งเหมาะกับทุกตำแหน่ง ตั้งแต่กองหน้ายันผู้รักษาประตูเลยทีเดียว
:: นักเตะที่ใช้เช่น W.Rooney, F.Torres, Van Persie, Gerrard, Xabi เป็นต้น

CONTROL - รองเท้ารุ่นนี้เป็นรองเท้าที่เน้นการสัมผัสบอล การจับ การผ่านบอล มีจุดเด่นที่การสวมใส่สบาย กระชับ ป้องกันอาการบาดเจ็บได้ดี และเหมาะกับผู้ที่เน้นทักษะเฉพาะตัว เทคนิคเจ๋งๆ จับจ่ายๆ อิอิ
:: นักเตะที่ใช้เช่น Alonzo, Lampard, Park Ji Sung, Van der Vaart, Iniesta เป็นต้น





++ ประเภทของปุ่มและพื้นรองเท้า ++

เรามาดูปุ่มรองเท้ากันบ้างนะครับ ใครยังสับสนอยู่ มาเริ่มกันเลย.... ^^
ปุ่ม HG FG SG AG MG TF โอ๊ย ๆๆ ปุ่มอะไรเยอะแยะ มากมาย อะไรกันนี่ ??? เรามาดูทีละแบบนะครับว่ามันเป็นอย่างไร...

1. HG (HardGround)
:: ปุ่มจะค่อนข้างสั้น เหมาะกับสนามหญ้าเทียม หรือสนามพื้นแข็ง ซึ่งประเทศไทยส่วนใหญ่ สนามจะเป็นแบบนี้

2. SG (SoftGround)
:: เป็นปุ่มสูง มักจะเป็นแบบหกปุ่ม และเป็นปุ่มเหล็ก เมืองไทยไม่ค่อยให้ใส่ทำการแข่งขัน และหาสนามเล่นยาก

3. FG (FirmGround)
:: พื้นปานกลาง โดยทั่วไปสตั๊ดทุกรุ่นและทุกยี่ห้อจะใช้ปุ่มลักษณะนี้ เหมาะกับสนามของไทยในปัจจุบัน

4. AG (Artificial Grass/Ground)
:: เป็นปุ่มสั้นๆ หลายๆปุ่ม มีปุ่มมากกว่า FG ออกแบบมาสำหรับการใช้เล่นสนามหญ้าเทียม

5. MG (MultiGround)
:: เหมาะกับทุกสภาพสนาม เป็นปุ่มกลมขนาดปกติ แต่จะมีจำนวนปุ่มเยอะกว่าแบบธรรมดา

6. TF (Turf)
:: รองเท้าร้อยปุ่ม เหมาะกับสนามหญ้าเทียม และหญ้าที่ไม่สูงมากนัก ช่วยลดอาการบาดเจ็บ และถนอมข้อเท้า และหัวเข่า




"10 อันดับ รองเท้าสตั๊ดยอดเยี่ยมของนักเตะ"


Prior II Lever




10. ราคา หกพัน ปอนด์ (สี่แสนกว่าบาท) เป็น รองเท้าที่ต้องสั่งทำพิเศษ ดังนั้นราคาจะรวมอยู่ใน การวิเคราะห์ลักษณะของเท้าของผู้สวมใส่และการแก้ไขความผิดปกติของเท้าของแต่ ละคนอีกด้วย แต่ไม่มีซูเปอร์สตาร์คนไหนใส่รองเท้ารุ่นนี้เลย














Nomis Glove
9. รองเท้าสัญชาติออสซี่ จะใช้ได้ดีในสภาพสนามที่เปียกแฉะ เพราะจะทำให้ดินและโคลนไม่เกาะที่ตัวรองเท้า ราคา สี่สิบ ปอนด์ นักฟุตบอลที่ใส่รองเท้ารุ่นนี้ แฮรี่ คีเวลล์














Hummel 8.4 Pio
8. รองเท้าสัญชาติเดนมาร์ก ได้รับการโหวตให้โดดเด่นในเรื่องการดีไซน์ลายบนตัวรองเท้า น้ำหนัก 304 กรัม โดยใช้วัสดุที่ทำจากหนังแพะ ราคา 120 ปอนด์ นักฟุตบอลที่ใส่รองเท้ารุ่นนี้ เดนนิส รอมเมดาห์ล




















Mizuno Morelia

7. รองเท้าสัญชาติ ญี่ปุ่น มีความกระชับและยืดหยุ่น ทำจากหนังจิงโจ้










Mitre Vortex Pro
6. สัญชาติอังกฤษ แต่เริ่มห่างไกลความนิยมต่างจากเมื่อก่อนลิบลับ ยิ่งเทียบกับ Umbro แล้ว ยิ่งห่างชั้นกันเข้าไปใหญ่









Lotto Zhero Gravity
5. รองเท้าสัญชาติ อิตาเลี่ยน และเป็นรองเท้าประจำกายของ ลูก้า โทนี่ เป็นรองเท้ารุ่นเดียวที่ไม่ต้องใช้เชือกผูก แค่จับเท้ายัดลงไปเป็นอันเสร็จพิธี วัสดุทำจากไมโครไฟเบอร์กันน้ำได้ ราคา 140 ปอนด์ นักฟุตบอลที่ใช้รุ่นนี้ ลูก้า โทนี่,คาฟู







Puma V.106
       4. มีน้ำหนักเบา วัสดุทำมาจาก คาร์บอนไฟเบอร์ นักฟุตบอลที่ใส่รุ่นนี้ ปีเตอร์ เค  ร้าช์, เจมี่ คาร์ราเกอร์, เนมานย่า วิดิช             














Umbro X-Boot III
3. เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของอังกฤษ วัสดุทำมาจากสารเคลือบพิเศษที่ได้รับการพัฒนาจากบริษัทยางรถยนต์ชื่อดังของโลกอย่าง Michelin นักฟุตบอลที่ใส่รุ่นนี้ ไมเคิ่ล โอเว่น,เดวิด เจมส์,จอห์น เทอร์รี่














Adidas F-50 Tunit II
2. นำเอาเทคโนโลยี Clima cool มาใช้ระบายความร้อน มีน้ำหนักเบากว่ารองเท้าฟุตบอลทั่วไป สามารถหาอะไหล่เปลี่ยนได้เป็นชิ้นๆ นักฟุตบอลที่ใส่รุ่นนี้ เพียบ












                                                                                    อันดับ1.
                                                                                   
นำเสนอในรูปแบบของความเบาและเร็วเป็นหลัก ความแม่นยำในการยิงจะพุ่งสู่เป้าหมายแบบ  ไม่มีผิดพลาด นักฟุตบอลที่ใส่รุ่นนี้ เพียบ


รองเท้า สตั๊ด ที่แพงที่สุดในโลก


รองเท้าสตั๊ดคู่ใจของ จอห์น เทอร์รี่(JohnTerry)

ปราการหลังชาวอังกฤษ
นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ แท็บลอยด์ชื่อดังสัญชาติอังกฤษ เปิดเผยว่า รองเท้าสตั๊ดที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ วงการลูกหนังโลก จากการ ที่ถูกประดับด้วยเพชรน้ำงาม และ มีไว้สำหรับสุดยอดนักเตะแห่งวงการลูกหนังผู้ดีอย่าง จอห์น เทอร์รี่ ปราการหลังจอมพลัง, เวย์น รูนี่ย์ ดาวยิงอัจฉริยะ และ ริโอ เฟอร์ดินานด์ กองหลังจอมเทคนิค
นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ สื่อเมืองผู้ดี รายงานข่าวว่า เพชร จำนวนกว่า 7,444 เม็ด ถูกนำไปประดับลงในรองเท้าสตั๊ดทั้งสามคู่ ซึ่งสนนราคารวมแล้วตกอยู่ที่ 385,000 ปอนด์ (หรือราว 21.56 ล้านบาท)รองเท้าสุดอลังการที่สุดของโลก โดยของ จอห์น เทอร์รี่ เป็นยี่ห้อ “อัมโบร” สีขาวล้วน พร้อมกับมีลายเซ็นของ กัปตันทีมชาติอังกฤษ จากเชลซี หลังจบเกม เวิลด์ คัพ รอบคัดเลือกที่ขุนพล ?ทรี ไลออนส์? ชนะ เบลารุส 3-0 เมื่อ 14 ต.ค. และ มีเพชรประดับ 2,374 เม็ด ทั้งนี้ ยังมีการปักชื่อลูกๆ อย่าง ซัมเมอร์ และ จอร์จี้ พร้อมกับธงชาติอังกฤษตรงลิ้นของรองเท้า อีกด้วย ขณะที่หมายเลข 6 ทำมาจากทองคำขาว ส่วน น้ำหนักเพชรรวมทั้งหมดมากกว่า 27 กะรัต แถมด้วยนิลอีกเกือบ 11 กะรัต สนนราคารองเท้าของ กัปตันทีมชาติผู้ดีรายนี้ อยู่ที่ 135,000 ปอนด์ (หรือราว 7.56 ล้านบาท)




รองเท้าของ เวย์น รูนี่ย์(Wayne Rooney)


กองหน้าทีมชาติอังกฤษ
คู่ถัดมาเป็นของ เวย์น รูนี่ย์ ดาวยิงร่างท้วม ของ ?ผีแดง? แมนฯ ยูไนเต็ด กับรองเท้าสตั๊ดยี่ห้อ ? ไนกี้ ? สีขาวที่ ดาวยิงรายนี้ สวมในพรีเมียร์ลีก ซึ่งถูกนำเพชร 2,576 ชิ้น หนักกว่า 10 กะรัต มาประดับทั้งเพชรสีขาว เพชรสีดำอีก 21 กะรัต ส่วนหมายเลข 10 ทำมาจากทองคำสีชมพู สนนราคารวมอยู่ที่คู่ละ 125,000 ปอนด์ (หรือราว 7 ล้านบาท)







 ริโอ เฟอร์ดินานท์(Rio Ferdinand)
สตั๊ดคู่ใจของ ริโอ เฟอร์ดินานท์(Rio Ferdinand)ปราการหลังของแมนฯยูไนเต็ด

คู่สุดท้ายเป็นของ ริโอ เฟอร์ดินานท์ ที่ใช้รองเท้า ? ไนกี้ ? เหมือนกัน แต่เป็นสีดำ ซึ่งมีการพ่นสีประดับสไตล์อาร์ตโดย โกลดี้ ศิลปินดัง ส่วนเบอร์ 5 ทำมาจากทองคำสีชมพู ขณะที่ น้ำหนักทองที่ใช้ประดับอยู่ที่ 2,494 สโตน เพชรสีขาวมากกว่า 18 กะรัต เพชรสีดำมากกว่า 15 กะรัต และ ทับทิมอีกเกือบ 11 กะรัต สนนราคารวมถึง 125,000 ปอนด์ (หรือราว 7 ล้านบาท)อนึ่ง รองเท้าฟุตบอลทั้งสามคู่นี้ จะมีการนำไปประมูลในงานเปิดตัวมูลนิธิ “Live The Dream Foundation” ของ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ต่อหน้าแขกกว่า 1,200 ชีวิต ที่กรุงลอนดอน ในวันพุธนี้ เพื่อหาเงินช่วยการกุศล ต่อไป













วันอาทิตย์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

รองเท้าฟุตบอล กับประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน


กว่าจะมีรองเท้าฟุตบอลหรือที่เราเรียกกันว่า"สตั๊ดฟุตบอล"มาให้เราเห็นกันแบบนี้คงต้องเท้าความไป ถึง  ค.ศ1526 กันเลยทีเดียว รองเท้าฟุตบอลเกิดขึ้นครั้งแรก ในสมัยของคิงเฮนรี่ ที่8 (king henry viii) ซึ่งรองเท้าฟุตบอลถูกทำขึ้นโดยช่างทำรองเท้าสมัยนั้น คือ Cornelius Johnson ตอนนั้นรองเท้าฟุตบอลราคา คู่ละ 4 ชิลลิ่ง หรือเทียบเท่ากับเงินในปัจจุบันก็ประมาณ 100 ปอนด์ ซึ่งรองเท้าฟุตบอลสมัยนั้น ทำด้วยหนังสัตว์ ปิดเลยเหนือเข่า และหนักว่ารองเท้าในปัจจุบันมากด้วย





ผ่านมา 300ปี จากการกำเนิดรองเท้าฟุตบอล ในช่วงปี1800  ฟุตบอลมีการพัฒนาขึ้นไปมาก และเป็นที่นิยมมากในประเทศอังกฤษ แต่วัสดุที่ใช้ในการทำรองเท้าฟุตบอลยังไม่ต่างจากเดิมมากนัก ทำให้นักเตะยังคงต้องสวมรองเท้าอึ่้งในตอนเตะฟุตบอลกันต่อไป แถมยังเป็นครั้งที่มีเหล็กมาติดใต้รองเท้าเพื่อให้นักเตะมีความคล่องตัวมากขึ้นเวลาที่ต้องวิ่งในสนามฟุตบอล นักเตะที่อยู่ทีมเดียวกันก็ใช้รองเท้าเหมือนกันอยู่


จนมาถึงช่วงปี 1900 หลังสงครามโลกครั้งที่สอง รูปแบบของรองเท้าจึงมีการเปลี่ยนไป แต่ในช่วงปี ค.ศ 1924 ก็ยังมีบริษัทหลายยี่ห้อที่ยังคงทำรองเท้ามาในรูปแบบนี้มาจนถึง ปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น gola valsport หรือ hummel


ในเยอรมันนั้น ก็มีรองเท้าฟุตบอลที่เป็นยี่ห้อที่หลายคนรู้จักกันดี แถมยังเป็นแบรนด์สินค้ากีฬาระดับโลกอย่าง อาดิดาส โดยสองพี่น้องอย่าง อดอร์ฟและรูดอร์ฟ ดาสเลอร์ ได้ผลิตรองเท้าฟุตบอลครั้งแรกในปี 1925 ที่โรงงานของเขา ในเมือง  Herzogenaurach ซึ่งเป็นแบบ 6-7 สตัดซึ่งสามารถเปลี่ยนได้ตามสภาพของสนามที่จะเล่นด้วย


หวังว่าเพื่อนๆทุกคนคงจะได้ความรู้จากประวัติรองเท้าฟุตบอลไม่มากก็น้อยครับ.

‘ป๋า..แห่งวงการรองเท้าฟุตบอลของโลก’





ป๋า..แห่งวงการรองเท้าฟุตบอลของโลก


เพื่อนๆเคยใส่รองเท้าฟุตบอลยี่ห้อ adidas ไหม? …แล้วเพื่อนๆรู้จักชายคนนี้ไหมครับ? ผมว่าเรามาทำความรู้จักกับประวัติของรองเท้าฟุตบอลกันสักนิดกันดีกว่าครับ

                               
รองเท้าฟุตบอลถือเกิดขึ้นประมาณปี 1923 โดยผู้ผลิตในยุคแรกคือ “อาดิ ดาสเลอร์” ชายชาวเยอรมัน โดยเริ่มจากธุรกิจในครอบครัว ซึ่งอาดิได้ใช้ห้องพักที่มีขนาดเพียง 20 ตร.ม. ภายในบ้านเป็นสถานที่คิดค้นและประดิษฐ์รองเท้ากีฬาที่ใช้วัสดุจากผ้าและหนัง สัตว์ ผลงานแจ้งเกิดให้กับรองเท้ากีฬาของอาดิ คือเหตุการณ์ที่ เจสซี โอเวนส์ ใส่รองเท้าของเขาในการแข่งขันโอลิมปิกที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อปี 1936 ซึ่งครั้งนั้นเจสซีได้สร้างสถิติโลกใหม่ถึง 4 รายการ และได้ครอบครองเหรียญทองโอลิมปิก 4 เหรียญ จึงเป็นผลให้ชื่อเสียงในการทำรองเท้าของอาดิขจรขจายมากขึ้น

ต่อมาในวันที่ 18 ส.ค. 1949 อาดิก็ได้จดทะเบียนบริษัทใหม่เป็น “อาดิดาส” ด้วยความไม่หยุดนิ่ง ในปี 1949 อาดิได้ปฏิวัติรองเท้าสตั๊ดจากแบบเดิมที่พื้นรองเท้ามีปุ่มทำให้ต้องใส่ เฉพาะในสนามเท่านั้น ให้เป็นพื้นรองเท้าแบบสามารถถอดปุ่มใต้สตั๊ดออกได้ และต่อมาในปี 1954 ทีมชาติเยอรมันก็เป็นทีมแรกของโลกที่ได้ใส่รองเท้าของอาดิดาสลงแข่งขัน ฟุตบอลโลกที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และสามารถคว้าแชมป์โลกมาครองได้ในที่สุด